แต่ในขณะที่การเอาชีวิตรอด
คือสิ่งที่ผู้คนที่อยู่ในเมืองฟุกุชิมะต้องทำอย่างเร่งด่วน
ยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่ดูเหมือนจะไม่หวาดกล้วอันตรายใด ๆ
ของสารกัมมันตรังสีที่แพร่กระจายไปทั่วบริเวณแม้แต่น้อย
พวกเขายังคงมีชีวิตอยู่ในฟุกุชิมะ
ท่ามกลางสารกัมมันตรังสีเข้มข้นที่พร้อมจะคร่าชีวิตพวกเขาไปเมื่อไรก็ได้ และ
ผู้คนกลุ่มนี้ ก็คือ
เหล่าเจ้าหน้าที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะและผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์
รวมทั้งสิ้นกว่า 180 ชีวิต
ที่เร่งปฏิบัติภารกิจควบคุมสถานการณ์เตาปฏิกรณ์ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
ซึ่งถึงแม้ว่าพวกเขาจะพยายามแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ตลอด 5 วันที่ผ่านมา
และสถานการณ์ก็กลับเลวร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่ย่อท้อ
ยังคงพยายามกันต่อไป
ท่ามกลางสารกัมมันตรังสีที่รั่วไหลออกมาในปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ จนบัดนี้
สารกัมมันตรังสีในชั้นบรรยากาศอยู่ในระดับอันตรายมาก
จนอาจจะคร่าชีวิตมนุษย์ได้ภายในระยะเวลาอันสั้นเลยทีเดียว
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาเปลี่ยนใจหรือหวาดกลัวกับอันตรายเหล่านั้นแต่
อย่างใด เพราะพวกเขาตระหนักดีว่า
หากพวกเขาละเลยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่กำลังเกิดไฟไหม้อย่างต่อเนื่องเป็นระยะ
ๆ ในขณะนี้แล้ว มันอาจจะเกิดระเบิดร้ายแรงขึ้น
และปล่อยสารกัมมันตรังสีออกสู่บรรยากาศ
คร่าชีวิตผู้คนอีกหลายหมื่นหลายแสนคนก็เป็นได้ ดังนั้น
การพยายามยับยั้งมันอย่างสุดความสามารถ จึงเป็นสิ่งแรกที่พวกเขาต้องทำก่อน
ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้และทำให้พวก
เขาต้องเสียชีวิตทั้งหมดก็ตามหรือถ้าจะมองในแง่ดีที่สุด หากเจ้าหน้าที่ทั้ง 180
คนสามารถกู้สถานการณ์ที่เลวร้ายขึ้นตลอดช่วง 5 วันที่ผ่านมาให้ดีขึ้นได้
และยับยั้งการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีได้อย่างที่คนทั่วโลกหวังให้เป็นได้
ก็ตาม แต่สิ่งที่พวกเขาเอาไปแลกกับความปลอดภัยนี้
ก็ยังคงหมายถึงชีวิตของพวกเขาอยู่ดี
เมื่อระหว่างที่พวกเขาปฏิบัติภารกิจอยู่ในขณะนี้
พวกเขายังคงสูดเอาสารกัมมันตรังสีเข้าไปเต็มปอด
อีกทั้งยังซึมเข้าสู่ผิวและดวงตาอีกด้วย และแน่นอนว่า
การสัมผัสกับสารกัมมันตรังสีอย่างต่อเนื่องเช่นนี้
อาจไม่ได้ส่งผลต่อชีวิตของพวกเขาอย่างทันทีทันใด
แต่ในระยะยาวนั้น พวกเขามีความเสี่ยงมากกว่า 70% ที่จะป่วยเป็นมะเร็งในอนาคต!!!
โดยเจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้เปิดเผยว่า
เขารู้ว่าการปฏิบัติงานครั้ง
นี้เสี่ยงมาก แต่เขาก็ไม่กลัวตาย เพราะถึงแม้เขาตาย เขาก็ตายในหน้าที่
ซึ่งในการปฏิบัติงานครั้งนี้ พวกเขาต้องทำงานกันในความมืด
มีเพียงไฟฉายที่พอจะช่วยให้เขาทำงานได้สะดวกขึ้นเท่านั้น
และระหว่างปฏิบัติงาน เขาก็จะได้ยินเสียงระเบิดเป็นระยะ ๆ
จากการที่ก๊าซไฮโดรเจนรั่วออกมาจากเตาปฏิกรณ์อย่างต่อเนื่อง
ส่วนทีมเจ้าหน้าที่เทคนิค หรือที่เรียกว่าทีม ฟุกุชิมะ 50
ก็ต้องหายใจผ่านเครื่องช่วยหายใจ
และแบกถังอ๊อกซิเจนหนักอึ้งอยู่บนหลังตลอดเวลา
และชุดจัมพ์สูทสีขาวมิดชิดเพื่อป้องกันสารกัมมันตรังสีซึมเข้าสู่ร่างกาย
ซึ่งทุกคนรู้ดีว่า
นี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาในการปกป้องภัยพิบัติจากโรงไฟฟ้า
นิวเคลียร์
เมื่อกล้านำชีวิตตัวเองเข้าเสี่ยงกับอันตรายของสารกัมมันตรังสี
เพื่อช่วยชีวิตผู้คนอีกมากมายให้ปลอดภัย เจ้าหน้าที่ทั้ง 180
คนจึงกลายเป็นฮีโร่ผู้กล้าหาญไปอย่างที่ไม่มีใครปฏิเสธได้
ซึ่งไม่ใช่แค่พวกเขาจะเป็นฮีโร่ของชาวญี่ปุ่นเท่านั้น
พวกเขาได้กลายเป็นฮีโร่ของคนทั้งโลกไปแล้วในขณะนี้