หนุ่มน้อย 2010
เรื่องราวการเมือง ความรุนแรง การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย
ได้เกิดขึ้นในประเทศไทย
เราก็ได้นั่งคุยกันบ่อยๆเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้ที่เกิดขึ้น
อยู่มาวันหนึ่งดี้ก็พูดถึงเพลงของพี่ ปู พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ ขึ้นมาว่า
“เราน่าจะเอาเพลงเก่าๆของพี่แกมาลองทำกันสักเพลงนะ เอามาแค่ท่อนฮุก
ที่เหลือก็ร้องแร๊ปเพิ่มเป็นสไตล์ของพวกเราเข้าไป
ก็ทิ้งระยะเวลาหลังจากนั้นไปได้สัก 2 เดือน จั๊กมีโอกาสได้ไปอังกฤษ
ระหว่างอยู่ที่นั่น จั๊กได้รับแรงบันดาลใจ และ
กระแสดนตรีในแบบยุโรปมาพอสมควร ตอนนั่งเครื่องบินกลับเมืองไทย
ก็นั่งคิดว่าควรจะเอาแรงบันดาลใจในแนวเพลงแบบยุโรปนี้มาทำเป็นเพลงในอัลบั้ม
สักเพลง นึกไปนึกมาก็นึกถึงช่วงเวลาที่ได้นั่งคุยเรื่องการเมือง และ สังคม
กับดี้ แล้วดี้ก็ได้เสนอความคิดเรื่องเพลงของพี่ปูไว้ พอกลับมาถึง
ก็เลยทำเลย โดยทำ Euro Beat ขึ้นมาแล้วร้องเข้าไปเลยว่า…
“ แค่สีเสื้อไม่เหมือนคำสอนแต่ปางไหน นี่สีใคร นั่นสีมึง นี่สีกู…”
วง Miraculous ประกอบด้วยสมาชิกทั้งหมด 5 คน ประกอบไปด้วย
• จั๊ก พันจิตต์ ไชยทองขาว ( Piano And Vocal )
• ดี้ โสธีระ ชัยฤทธิไชย ( Synthesizer And Vocal )
• เต้ ภควัต ตันสกุล ( Keyboard Dj And Vocal )
• โอ้ค ทศพล ขำรักษา ( Electronic Percussion )
• ตินติน บดินทร์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ( Bass )
สมาชิก
4 คน ของวง Miraculous เป็นสมาชิกของวง Kai-Jo Brothers มีแค่ ตินติน
เท่านั้นที่เพิ่มเข้ามา โดยวง Miraculous เริ่มขึ้นจากช่วงที่ Kai-Jo
Brothers ทำอัลบั้ม Born to be free ในช่วงนั้นจั๊ก กับ ดี้
ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่รวบรวม File เพลงของ ไคโจ ไป Mix ที่สตูดิโอของจั๊ก
ในตอนนั้นเราทำงานกันหนักมากกับอัลบั้มของไคโจ อยู่มาคืนหนึ่ง ระหว่างที่
Mix เพลงในอัลบั้มของไคโจ รู้สึกเครียดมาก อยากพักหู เลยเปิดเพลงของ Enya
และ Enigma ขึ้นมาล้างหูกัน จากความเครียดและเหนื่อยมากในตอนนั้น
ก็เลยลองคิดแร๊ปเพื่อระบายความรู้สึก โดยได้ใช้ Beat เพลงของ Enigma
เราสองคนก็แร๊ปทับไปบนเพลงนั้น ซึ่งพอทำเสร็จก็ฟังกัน รู้สึกชอบมาก
สบายใจมากขึ้น เหมือนกับว่าพอทำแล้วรู้สึกดี หายเหนื่อย
เลยมาวิเคราะห์กันว่า นอกจากไคโจแล้ว เราน่าจะลองทำ
โปรเจคพิเศษกันสักอัลบั้มนะ ทำขึ้นมาในรูปแบบของเพลง Electronic
ก็เลยไปชวนเต้กับพี่โอ้ค
ซึ่งเป็นสมาชิกของไคโจเช่นกันมาร่วมทำโปรเจคนี้ด้วยกัน และอีกคนก็คือ
ตินติน
ตินติน เป็นมือเบสสำรองของไคโจ เวลาที่พี่ไก่ไม่ว่าง ตินติน
จะมาเล่นแทน นอกจากนี้ตินตินก็เป็นรุ่นน้องของ จั๊กกับดี้ ที่
วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เช่นกัน ตินตินก็เลยเข้ามาเป็น
มือเบส ของวง Miraculous
คำว่า Miraculous เกิดขึ้นจากว่า
เวลาที่เราทำเพลง เรารู้สึก มหัศจรรย์ รู้สึกมีความสุขที่ได้ทำเพลง
ทุกๆครั้งที่ทำเพลงกัน ระหว่างที่ทำนั้นส่วนใหญ่จะไม่รู้ตัว
ไม่รู้ทำอะไรกันอยู่ เหมือนฝัน หลังจากทำเพลงกันเสร็จ
ผ่านไปหนึ่งคืนแล้วกลับมาฟัง
เรารู้สึกประหลาดใจในสิ่งเหล่านั้นที่เราได้ทำกันเมื่อคืน
พอฟังแล้วก็รู้สึกสบายใจ ทำเพลงเอง เสพเอง ทำแล้วรู้สึกดี รู้สึกมหัศจรรย์
ก็เลยเกิดเป็นชื่อวงว่า Miraculous ซึ่งมาจากคำว่า Miracle นั่นเอง
สไตล์เพลงของพวกเรา เป็นการผสมผสานของอิทธิพลดนตรีในช่วงชีวิตของพวกเรา
อธิบายได้ง่ายๆ คือ สมาชิกในวง เกิดกันในยุค 80
ทำให้เราได้รับอิทธิพลเพลงแบบยุค 80 มาเยอะพอสมควร
พอโตขึ้นมาก็เริ่มได้รับกระแสดนตรีแบบ Soul Hip Hop และเพลง Rap
ในรูปแบบต่างๆ
นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวการทำเพลงในทัศนะคติแบบไคโจเข้ามาผสม สไตล์เพลงของ
Miraculous จึงเป็นแนวเพลงที่สามารถเรียกได้ว่า แนวเพลง แบบ ช่วงชีวิต
หรือ ประสบการณ์ชีวิต นั่นเอง