พระราชดำรัสของ"ในหลวง"
เตือนสติคนไทย ถ้าไม่สามัคคีกัน...ชาติล้ม
หมายเหตุ - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสแก่คณะบุคคลต่างๆ รวม 23,693 คน ที่เข้าเฝ้า
ทูลละลองธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล ณ ศาลาดุสิตดาลัย พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ 4
ธันวาคม เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม
มีหลานอย่างนี้ เราไม่ต้องพูด พูดมากเหลือเกิน เลิกพูดแล้ว ขอขอบใจนายกรัฐมนตรีที่ได้กล่าวคำอวยพร และ
ขอบใจท่านทั้งหลายที่ได้มา มาเยี่ยม และมาให้พร ทำให้มีกำลังใจ ความจริงการที่ท่านมานี้เป็นการให้กำลังใจ
ที่บอกว่าดูแข็งแรง ดูมีพลานามัยที่ดี ความจริงไม่ใช่ความดีของแพทย์ เป็นความดีของเราที่ตั้งใจที่จะให้
แข็งแรง เพื่อที่จะต้อนรับท่านได้ ถ้าไม่ได้ตั้งใจที่แข็งแรงที่จะต้อนรับท่าน ก็จะมาต้อนรับท่านไม่ได้ เพราะว่า
เดินก็เดินขานำไปข้างหน้าข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งไปข้างหลัง ไม่ค่อยยอมสามัคคี ต้องสามัคคี
และก็ได้พูดเมื่อวานซืนนี้ว่า ทหารก็ตาม พลเรือนก็ตาม ต้องสามัคคี เหมือนขาของเรา ที่จะต้องเดินสามัคคีกัน
หมายความว่า และก้าวไปข้างหน้า แล้วก็อีกข้างหนึ่งก็ยันข้างหลัง และเมื่อยันข้างหลังเล็กน้อยแล้วก็ก้าวไป
ข้างหน้าอีกข้าง อันนี้ก็สามารถเดินได้และไม่หกล้ม ซึ่งถ้าไม่สามัคคีก็บอกแล้วว่าประเทศจะประสบความหายนะ
ไม่ได้ใช้คำว่าหายนะ แต่คล้ายๆ กันว่า ถ้าไม่สามัคคีกัน ไม่ปรองดองกัน ประเทศชาติล้ม ถ้าล้ม ก็ ผลของการ
ล้มนั้นมีหลายอย่าง ถ้าทางกายก็ร่างกายกระดูกหัก และต้องเข้ารักษา บางทีรักษานานๆ ไม่มีสิ้นสุด
ถ้าไม่ระวังประเทศชาติก็ล่ม เมื่อล่มเราจะไปอยู่ที่ไหน ล่มก็หมายถึงว่าลงไปจม ล่มจม ถ้าเราไม่ระวัง
ประเทศชาติล่มจม ล่มจมก็หมายความว่า ล่มลงไปในทะเล เพราะว่าเมืองไทยติดทะเล ถ้าล่มไปล่มมาก็ลงทะเล
และสมัยนี้เขาก็ขู่กันว่า น้ำทะเลจะขึ้น แล้วก็เพราะว่าอากาศมันร้อน ทำไปทำมาก็ไม่ได้ร้อนจริง มาตั้งแต่ต้น
ธันวานี้ คนบ่นว่าอากาศเย็น อากาศหนาว ไม่รู้จะเชื่อใครว่าตอนนี้จะหนาวหรือจะร้อน แต่ว่าคำว่าร้อน ร้อนจริงๆ
คือ เหงื่อออก ร้อนเดือดร้อน ถึงเดือดร้อนมากกว่า
ทุกคนที่มานั่งอยู่ที่นี่ก็จะเดือดร้อน ภาษาไทยใช้คำว่าเดือดร้อน ร้อนแล้วมันก็เดือด น้ำเดือดมันร้อน อากาศร้อน
ทำให้เราไม่สบาย ถ้าไม่สบายแล้วอยู่ไม่ค่อยได้ ที่อากาศร้อนก็เพราะว่าอากาศมันเจอความร้อนของพระอาทิตย์
ซึ่งเมืองไทยก็เคราะห์ดีอยู่เหมือนกันว่าอากาศร้อนไม่ได้เย็นเหมือนอเมริกา เดี๋ยวนี้ที่อเมริกากำลังเดือดร้อน
เพราะอากาศเย็น อากาศหิมะตก มีขึ้นตามปกติ ไม่น่าจะตกแบบนี้ แต่ว่าอเมริกา อากาศหิมะตกซึ่งตามปกติไม่
น่าตกอย่างนี้ แปลว่าอเมริกาเกิดร้อนในความเย็น
พระราชดำรัสของในหลวง - ข้อคิดในการใช้ชีวิต
1. อย่าทำลายความหวังของใครเพราะเขาอาจ
เหลืออยู่แค่นั้นก็ได้
2. เมื่อมีคนเล่าว่าตัวเขามีส่วนในเหตุการณ์สำคัญ
อะไรก็ตาม เราไม่ต้องไปคุยทับ ปล่อยเขาฟุ้งไป
ตามสบาย
3. รู้จักฟังให้ดี โอกาสทองบางทีมันก็มาถึงแบบแว่ว
ๆ เท่านั้น
4. หยุดอ่านคำอธิบายสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ซึ่ง
อยู่ริมทางเสียบ้าง
5. จะคิดการใด จงคิดการให้ใหญ่ ๆ เข้าไว้ แต่เติม
ความสนุกสนานลงไปด้วยเล็กน้อย
6. หัดทำสิ่งดี ๆให้กับผู้อื่นจนเป็นนิสัยโดยไม่
จำเป็นต้องให้เขารับรู้
7. จำไว้ว่าข่าวทุกชนิดล้วนถูกบิดเบือนมาแล้วทั้งนั้น
8. เรื่องเล่นเกมกับเด็ก ๆ ก็ปล่อยให้แกชนะไปเถิด
9. ใครจะวิจารณ์เราอย่างไรก็ช่าง ไม่ต้องไปเสียเวลา
โต้ตอบ
10. ให้โอกาสผู้อื่นเป็นครั้งที่”สอง” แต่อย่าให้ถึง
“สาม”
11. อย่าวิจารณ์นายจ้าง ถ้าทำงานกับเขาแล้วไม่มี
ความสุข ก็ลาออกซะ
12. ทำตัวให้สบายอย่าคิดมากถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาด
ตาย อะไร ๆ มันก็ไม่ได้สำคัญอย่างที่คิดไว้ทีแรก
หรอก
13. ใช้เวลาน้อย ๆ ในการคิดว่า “ใคร” เป็นคนถูกแต่
ใช้เวลาให้มากในการคิดว่า “อะไร”คือสิ่งที่ถูก
14. เราไม่ได้ต่อสู้กับ “คนโหดร้าย” แต่เราต่อสู้กับ
“ความโหดร้าย” ในตัวคน
15. คิดให้รอบคอบ ก่อนที่จะให้เพื่อนต้องมีภาระใน
การรักษาความลับ
16. เมื่อมีใครมาสวมกอดคุณ ให้เขาเป็นฝ่ายปล่อย
ก่อน
17. เป็นคนถ่อมตัว คนเขาทำอะไรต่ออะไรสำเร็จกัน
มามากมาย ตั้งแต่เรายังไม่เกิด
18. ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายเพียงใด...
สุขุมเยือกเย็นเข้าไว้
19. อย่าไปหวังเลยว่า ชีวิตนี้จะมีความยุติธรรม
20. อย่าให้ปัญหาของเราทำให้คนอื่นเขาเบื่อหน่าย ถ้า
มีใครมาถามเราว่า “เป็นยังไงบ้างตอนนี้” ก็บอก
เขาไปเลยว่า “สบายมาก”
21. อย่าพูดว่ามีเวลาไม่พอ เพราะเวลาที่คุณมี มันก็วัน
ละยี่สิบสี่ชั่วโมงเท่าๆกับที่หลุยส์ ปาสเตอร์ ไม
เคิลแอนเจลโล แม่ชีเทราซา ลีโอนาร์โด ดาวินชี
ทอมัส เจฟเฟอร์สัน หรือ อัลเบิร์ด ไอน์สไตน์ เขา
มีนั่นเอง
22. เป็นคนใจกล้าและเด็ดเดี่ยว เมื่อเหลียวกลับไปดู
อดีต เราจะเสียใจในสิ่งที่อยากทำแล้วไม่ได้ทำ
มากกว่าเสียใจในสิ่งที่ทำไปแล้ว
23. ประเมินตนเองด้วยมาตรฐานของตัวเอง ไม่ใช่
ด้วยมาตรฐานของคนอื่น
24. จริงจังและเคี่ยวเข็ญต่อตนเอง แต่อ่อนโยนและ
ผ่อนปรนต่อผู้อื่น
25. อย่าระดมสมอง เพราะไอเดียดีๆใหม่ๆ และ
ยิ่งใหญ่จนสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ ล้วนมา
จากบุคคลที่คิดค้นอยู่แต่เพียงผู้เดียวทั้งสิ้น
26. คงไว้ซึ่งความเป็นคนเปิดเผย อ่อนโยน และอยาก
รู้อยากเห็น
27. ให้ความนับถือแก่ทุกคนที่ทำงานเพื่อเลี้ยงชีพ ไม่
ว่างานที่เขาทำนั้นจะกระจอกงอกง่อยสักปานใด
28. คำนึงถึงการมีชีวิตให้ “กว้างขวาง” มากกว่าการ
มีชีวิตให้ “ยืนยาว”
29. มีมารยาทและอดทนกับคนที่สูงวัยกว่าเสมอ
ใช้เวลาน้อย ๆ ในการคิดว่า “ใคร” เป็นคนถูก
แต่ ใช้เวลาให้มากในการคิดว่า “อะไร”คือสิ่งที่ถูก
ถึงเวลาสามัคคีกันได้เเล้ว
ทรงพระเจรึญ
ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆแบบนี้
ให้ขอคิดได้มากมาย
เย็นวานนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายนิตย์ พิบูลสงคราม รมว.ต่างประเทศ นำคณะเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยที่ปฏิบัติราชการอยู่ในต่างประเทศ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานพระบรมราโชวาทในโอกาสที่กระทรวงการต่างประเทศจัดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทย ประจำปี 2550 ระหว่างวันที่ 27 ส.ค.-1 ก.ย.50
"ท่านทูตคงกลุ้มใจที่คนที่ไปอยู่ต่างประเทศไม่กี่วันลืม ไม่นานกลับมาพูดภาษาไทยไม่ได้ เพราะว่านึกว่าไปต่างประเทศนั้นต้องไปเรียนรู้ความเป็นไม่เป็นไทย ฉะนั้นก็เห็นใจท่าน เพราะว่าท่านเป็นทูต คนที่ไปต่างประเทศไม่กี่วันและไปพบกับท่านทูตพูดภาษาไทยไม่ได้ แต่ว่าต่างประเทศ ฝรั่งไปพบท่าน มาเมืองไทยไม่นานกลับไปพูดภาษาไทยได้ อันนี้ก็ชอบกล ประหลาดมาก"
"ต้องเข้าใจว่าคนที่ไม่ได้ไปต่างประเทศ แต่ก็ได้มีโอกาสไปต่างประเทศ เขามีปมด้อย คนไทยนั้นส่วนใหญ่ไม่มีปมด้อย คนไทยมีความภูมิใจที่เป็นคนไทย เพราะว่าอยู่เมืองไทย เป็นคนไทย เขาได้สามารถศึกษาว่าเมืองไทย คนไทย มีความดี แต่ผู้ที่ไปต่างประเทศนึกว่า เราก็พูดอย่างเดียวกับผู้ที่ไปเมืองฝรั่ง ไม่ใช่พวกที่ไปเมืองแขก เมืองจีน แต่ว่าพวกที่ไปฝรั่งเพราะเห่อว่าฝรั่งเขาเจริญ ฝรั่งเขาเจริญเพราะว่าบ้านเมืองของเขามีความก้าวหน้าหลายอย่าง คนไทยก็เลยมีปมด้อยว่าเราไหนว่าไม่มีความเจริญ"
"ปัญหาที่เกิดขึ้นว่าจะทำยังไงสำหรับแก้ไข ก็เล่าให้ท่านฟังแล้วว่าข้าพเจ้ามาเมืองไทย ไม่รู้ภาษาไทย แล้วก็ออกไปอายุ 5 ขวบ กลับมาอายุ 11 ก็ไม่ค่อยรู้ภาษาไทย ที่จริงรู้ภาษาไทยก็โดยที่สมเด็จพระบรมราชชนนีท่านไม่พูดภาษาฝรั่งกับเรา ท่านพูดภาษาไทยก็เลยรู้ภาษาไทย แต่เขียนภาษาไทยไม่ค่อยได้ อ่านไม่ค่อยได้ ตอนอายุ 11 ก็ได้เรียน จนกระทั่งอายุ 18 ก็เขียนภาษาไทย อ่านภาษาไทยไม่ค่อยได้ มาอ่านภาษาไทยได้ทีหลัง แต่ก็อยู่ที่ความเป็นไทยนี่ลำบาก ก็พยายามที่จะเรียนภาษาไทย"
"แต่ผู้ที่ไปแล้วไปหาท่านทูตแต่พูดภาษาไทยไม่ชัด นั่นส่วนใหญ่เขาก็รู้ภาษาไทยออกไป 2-3 วัน ลืมภาษาไทยแล้ว เพราะว่าเป็นคนที่ไม่ศึกษา วิธีที่จะทำท่านทูตก็คงต้องล้างสมองเขา วิธีที่จะปฏิบัติต้องล้างสมองเขาว่าประเทศไทยมีภาษาไทยมานานแล้ว นาน มีวัฒนธรรมไทย มีนานกว่าประเทศต่างประเทศในยุโรปหลายประเทศ ก่อนนี้ในต่างประเทศเป็นที่เขาเรียกว่า Middle Age หมายความว่าเป็นยุคที่ไม่เจริญ เมืองไทยนี่ยุคกลางของเราเจริญแล้ว"
"เราจะต้องศึกษายุคกลางของเราว่าเจริญแล้ว และบอกกับพวกที่เขานึกว่าเมืองไทยไม่เจริญให้เข้าใจ แล้วก็ที่ประเทศไทยนี้มีภาษาไทย มีตัวอักษรไทยมาตั้งแต่สมัยที่เป็นยุคกลางของฝรั่ง หมายความว่า Middle Age ของคนฝรั่ง ของเราหลายร้อยปี มีภาษา มีตัวอักษร ของฝรั่งไม่มี เราไม่พูดถึงอเมริกา ไม่พูดถึงอาฟริกา แต่ในยุโรปซึ่งเป็นประเทศที่เจริญ แต่ตอนนั้นไม่ได้เจริญ เราเจริญก่อน แต่ว่าที่เมืองไทยจะไม่เจริญเพราะว่ามีคนอย่างพวกที่ไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าเมืองไทยเจริญมานานแล้ว ก็วิธีที่จะทำคือ ต้องรู้สึกยกย่องและต้องพยายามที่จะทำให้เข้าใจว่าเมืองไทยนี้เจริญมานานแล้ว"
"ท่านที่เป็นข้าราชการกระทรวงต่างประเทศพึงทำหน้าที่อธิบายว่า คนไทยเป็นอย่างไร เพราะถ้าไม่มีใครอธิบายความเป็นอยู่ของประเทศไทยได้ ชาวต่างประเทศมักเข้าใจผิด และตั้งใจเข้าใจผิด เพราะไม่เข้าใจ ที่จริงเข้าใจ ชาวต่างประเทศไม่ได้โง่ แต่ทำโง่ เท่ากับว่าคนไทยทำโง่ไปตามเขา เมืองไทยก็แย่ เท่ากับว่าเมืองไทยทำโง่ตามความเป็นอยู่ต่างประเทศ เรียกว่าแย่ ชาวต่างประเทศย่อมทำให้คนไทยโง่จะได้เอาเปรียบได้ ดีใจที่ได้พบท่านในวันนี้และรู้ว่าท่านเข้าใจในหน้าที่ เคยพูดว่า วันนี้เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศไม่ทำหน้าที่ตนเองจะลำบาก เพราะเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศต้องเข้าใจและมีความรู้ในประเทศที่อยู่ และเข้าใจความรู้ในต่างประเทศ"
ความหวังขอพ่อ สี่ประการ
(คุณจะทำให้พ่อได้รึป่าว)
ประการแรก
คือ การให้ทุกคนคิด พูด ทำ ด้วยความเมตตา มุ่งดีมุ่งเจริญต่อกัน
ประการที่สอง
คือ การที่แต่ละคนต่างช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ประสานงาน ประสานประโยชน์กัน ให้งานที่ทำสำเร็จผลทั้งแก่ตนแก่ผู้อื่นและแก่ประเทศชาติ
ประการที่สาม
คือ การที่ทุกคนประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในความสุจริตในกฎกติกาและในระเบียบแบบแผนโดยเท่าเทียมเสมอกัน
ประการที่สี่
คือ การที่ต่างคนต่างพยายามทำความคิด ความเห็นของตนให้ถูกต้องเที่ยงตรง และมั่นคงอยู่ในเหตุในผล
…หากความคิดจิตใจ และการประพฤติปฏิบัติที่ลงรอยเดียวกัน
ในทางที่ดีที่เจริญนี้ยังมีพร้อมมูลอยู่ในการในใจของคนไทย ก็มั่นใจได้ว่า
ประเทศชาติไทยจะดำรง มั่นคงอยู่ตลอดไปได้
จึงขอให้ท่านทั้งหลายในมหาสมาคมนี้ ทั้งประชาชนชาวไทย
ทุกหมู่เหล่า ได้รักษาจิตใจและคุณธรรมนี้ไว้ให้เหนียวแน่นและถ่ายทอด
ความคิดจิตใจนี้กันต่อไป อย่าให้ขาดสาย เพื่อให้ประเทศชาติของเรา
ดำรงยืนยงอยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุขทั้งในปัจจุบันและในภายภาคหน้า
..ยินดีต้อนรับสู่ SMING.ORG (http://sming.org/) | Powered by Discuz! 6.0.0 |