สั่งพิมพ์

สลด เสื้อแดงตาสว่างแฉระบอบทักษิณ (ไอ้สัส)17 11 2556

สลด เสื้อแดงตาสว่างแฉระบอบทักษิณ (ไอ้สัส)17 11 2556



สลด เสื้อแดงตาสว่างแฉระบอบทักษิณ (ไอ้สัส)17 11 2556 

กลายเป็นอีกหนึ่งกรณีวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงทั้งในสังคมออนไลน์และ ตามสภากาแฟ รวมถึงวงสนทนาต่างๆ หลังการปรากฏตัวของสาวสวมเสื้อสีแดง บนเวที "ต้านกฎหมายล้างโกง" ของพรรคประชาธิปัตย์ "ปาริชาติ ภูนกยูง" หรือ "ปาริชาติ บุญสร้อย" เมื่อค่ำวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ในคืนวันลอยกระทงนั้น หญิงสาวรูปร่างเล็ก ผอมบาง ตัดผมเกรียนสั้น มัดผมจุก สวมเสื้อยืด สกรีนตัวอักษรว่า "กูรักคนที่มึงเกลียด กูเกลียดคนที่มึงรัก" ชาว จ.กาฬสินธุ์ ได้ขึ้นพูดบนเวทีที่เบื้องหลังคือ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สัญลักษณ์ทางการเมืองของประชาชน กลางถนนราชดำเนิน พร้อมน้ำตา โดยอ้างว่า เป็นอดีตคนเสื้อแดง ที่ตกเป็นจำเลยจำเลยที่ 7 ในคดี บุกเข้าไปในธนาคารกรุงเทพ และก่อเหตุเผาทำลายทรัพย์สินของทางธนาคารกรุงเทพ สาขาขอนแก่น และอีกหลายๆสถานที่สำคัญ ด้วยเพราะความโลภของตนเองที่เชื่อคำสั่งของ "จตุพร พรหมพันธุ์" แกนนำคนเสื้อแดง ที่บอกว่าถ้าไปเผา จะได้รับเงินว่าจ้างจำนวน 1.5 ล้านบาท

ปาริชาติ ยอมรับว่าเป็นคนโลภ เลยลงมือเผาหลายๆ สถานที่ กระทั่งถูกดำเนินคดีต้องโทษเป็นเวลา 1 ปี แต่รับสารภาพจึงลดเหลือติดคุก 3 เดือน แต่กลับไม่มีแกนนำคนไหนของเสื้อแดงที่มาเยี่ยม หรือยื่นมือเข้าช่วยเหลือใดๆ แม้แต่น้อย มีได้รับแค่เงินไม่กี่บาท จากพรรคเพื่อไทยและแกนนำเสื้อแดง ซึ่งเอาไปใช้หนี้ทั้งหมดที่กู้ยืมนอกระบบ หนำซ้ำพ่อแม่ก็ ตายจากไประหว่างที่ติดคุก ส่วนที่ดินและที่นา รวมถึงทรัพย์สมบัติต่างๆ ก็ต้องขายไปหมดจนไม่เหลืออะไร ตอนนี้มีหนี้ทั้งหมด 3 แสนบาท พร้อมฝากบอกให้ ยิ่งลักษณ์ ทักษิณ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง ช่วยเธอด้วย

เมื่อสาวเสื้อแดง ที่อ้างว่า ตาสว่างแล้ว ขึ้นเวทีที่ราชดำเนิน ไม่ทันจะพ้นชั่วโมงดี ก็มีบรรดากลุ่มคนเสื้อแดงที่รับชมการถ่าย ทอดสด ต่างพากันโกรธแค้น "ปาริชาติ" อย่างมาก และได้ตามไปสืบประวัติ หญิงสาวคนดังกล่าว ที่มีบัตรประจำตัว นปช. มายืนยันเป็นหลักฐาน

จน กระทั่งไปจนพบเฟซบุ๊กส่วนตัว ที่ใช้ชื่อว่า "ปาริชาติ บุญสร้อย" พร้อมกับเข้าไปแสดงความเห็นด้วยข้อความเชิงด่าทอ และขู่อาฆาต อดีตสาวเสื้อแดง ที่ยังคงขึ้นข้อความด่าทอ พรรคประชาธิปัตย์ และด่าคนเสื้อเหลืองอยู่ใน ไทม์ไลน์ ของตัวเธอเอง และโพสต์รูปที่เป็นการทำกิจกรรมต่างๆ ของคนเสื้อแดง อยู่ตลอด

ต่อมา วันที่ 18 พฤศจิกายนที่เวที "ภาคีเครือข่ายพลังประชาชน (ภปช.)" วงเวียนอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ เขตบางเขน แกนนำเสื้อแดงได้มีการเชิญ "พูนทรัพย์" บุญสร้อย" ที่ระบุว่า เป็นสามีของ "ปาริชาติ บุญสร้อย" อย่างถูกต้องตามกฏหมาย พร้อมชูทะเบียนสมรส ที่เพิ่งจดไปเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ณ เขตบางรัก นี้เอง เป็นการยืนยัน

พูนทรัพย์ ซึ่งเป็นคนเสื้อแดง ชาว จ.ศรีสะเกษ บอกบนเวทีว่า ไม่ทราบเช่นกันว่า ภรรยาไปขึ้น เวทีของพรรคประชาธิปัตย์ได้อย่างไร ทราบแค่ว่า คืนวันลอยกระทงนั้น ขี่รถจักรยานยนต์ออกไปจากห้องพักย่านรามคำแหง พร้อมอ้างว่า ภรรยาสติไม่ดี เนื่องจากเคยประสบอุบัติเหตุรถคว่ำมาก่อน และกระทั่งถึงตอนขึ้นเวทีเสื้อแดงนี้ ก็ยังไม่สามารถติดต่อได้ ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน พร้อมฝากบอกไปยัง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ คืนภรรยาให้ได้แล้ว และจะไปแจ้งความ แกนนำฝ่ายตรงข้าม ให้จับกุม ข้อหาลักพาตัว และกักขังหน่วงเหนี่ยวภรรยาของตนเองด้วย

ทั้งนี้ มติชนออนไลน์ ได้ทำการตรวจสอบในเฟซบุ๊ก "ปาริชาติ บุญสร้อย" ก็พบว่า มีการอัพเดทล่าสุด ด้วยการ เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ล่าสุด เมื่อ 18 พ.ย. เป็นรูปสุนัข พันธุ์ปั๊ก และเปลี่ยนรูปหน้าปก เป็น นาข้าวสีเขียวขจี ซึ่งได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงที่ไม่พอใจการขึ้นเวที ของ ปาริชาติ ใช้ข้อความด่าทอ หยาบคายและสาปแช่ง กล่าวหาต่างๆ จำนวนมาก อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่โพสต์ข้อความก่อนหน้านั้นในเฟซบุ๊กดังกล่าว เป็นการอัพเดทเรื่องราวในชีวิตทั่วไป เช่น การแจ้งเบาะแสการเสพยาบ้าของวัยรุ่นแถวรามคำแหง และมีข้อความที่ด่าการชุมนุมของกลุ่มมวลชนต่อต้านรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ ถ. ราชดำเนิน รวมถึงด่าทอนายสุเทพอยู่หลายอัน ในส่วนของภาพถ่าย ก็เป็นรูปภาพการเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง ในเวทีต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ จะเป็นการถ่ายภาพกับธีมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นเสื้อแดงทั้งสิ้น...



'สาวแดงขึ้นเวทีปชช.'แจ้งกองปราบโดนขู่

'สาวแดงขึ้นเวทีปชช.'แจ้งกองปราบโดนขู่เอาชีวิตหวั่นไม่ปลอดภัย‏

             เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 19 พ.ย.2556 นางปาริชาติ บุญสร้อย หรือ ภูนกยูง อายุ 40 ปี  จำเลยในคดีเผาศาลากลางจังหวัดขอนแก่นและธนาคารกรุงเทพ สาขาขอนแก่น เมื่อปี 2553 พร้อมด้วยการ์ดกลุ่มเวทีราชดำเนิน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ เกิดเอี่ยม พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.1 บก.ป.เพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ภายหลังถูกกลุ่มคนเสื้อแดงโพสต์ข้อความข่มขู่ในเฟซบุ๊กส่วนตัวของตนเอง โดยเชื่อว่าสาเหตุเป็นเพราะขึ้นเวทีปราศรัย ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน ซึ่งได้กล่าวโจมตีแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
               
             นางปาริชาติ กล่าวว่า หลังจากตนตัดสินใจขึ้นเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อบอกกล่าวกับพี่น้องคน เสื้อแดงว่าถูกแกนนำหลอกใช้โดยมีการว่าจ้างให้ไปเผาธนาคารดังกล่าว ทำให้ตนต้องตกเป็นจำเลย ทั้งคดีเผาธนาคารรวมทั้งเผาศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ซึ่งคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก 1 ปี ขณะนี้ตนได้ต่อสู้ในชั้นฎีกาและคดีอยู่ระหว่างการพิจารณา แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาตลอด 3 ปี ภายหลังเกิดเหตุและถูกดำเนินคดีนั้น ตนไม่เคยได้รับการเหลียวแลจากแกนนำ นปช.แต่อย่างใด

             นางปาริชาติ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่สามีตนคือนายพูนทรัพย์ บุญสร้อย ได้ขึ้นเวทีภาคเครือข่ายพลังประชาชนที่อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ เขตบางเขน กล่าวหาว่าตนสติไม่สมประกอบนั้นก็ไม่เป็นความจริง ตนกับสามีมาพบกันเมื่อครั้งที่มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่แยกราชประสงค์ ปี 2553 จากนั้นก็ตกลงปลงใจแต่งงานอยู่กินกัน แต่ภายหลังเมื่อต้องโทษในคดีแล้วตนรู้สึกน้อยใจที่ไม่ได้รับการเหลียวแลจาก แกนนำ นปช.ที่เคยรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ นอกจากนี้แกนนำบางคนต่างได้ดิบได้ดีเป็นมีตำแหน่งใหญโตในรัฐบาลชุดนี้ เมื่อตนกล่าวตัดพ้อกับสามีที่เคยเป็นการ์ด นปช.ก็ทำให้เกิดระหองระแหงกัน

             นางปาริชาติ กล่าวอีกว่า เมื่อต่อสู้คดีแล้วได้รับการประกันตัวออกมา ก็ไม่สามารถหางานทำได้เพราะมีประวัติติดตัว ไม่มีบริษัท ห้างร้านรับเข้าทำงาน ต่อมาก็เริ่มทะเลาะกับสามี ก่อนแยกกันอยู่ได้ประมาณ 3 เดือน ตนยืนยันได้ว่าที่พูดมาทั้งหมดเป็นความจริง เพราะตนต้องแบกรับความอัดอั้นในเรื่องนี้มากว่า 3 ปีแล้ว ตนเคยไปสอบถามเพื่อนบ้านที่ไปร่วมชุมนุมและต้องตกเป็นผู้ต้องหาในคดีวาง เพลิงทำลายทรัพย์สิน 24 คน ต่างก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือ มีเพียงช่วงแรกที่ถูกดำเนินคดี มีการจ่ายเงินให้คนละ 30,000 บาท ขณะที่คนเสื้อแดงในอีกหลายจังหวัดภาคอีสาน เช่น ที่ จ.อุดรธานี กลับได้เงินคนละ 1.5-1.7 ล้านบาท
               
             น.ส.ปาริชาติ กล่าวว่า เหตุที่ตนต้องออกมาเพราะเริ่มรู้สึกไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิตภายหลังออก มาแฉเรื่องนี้ โดยข้อความข่มขู่แสดงความอาฆาตตนอย่างมาก เช่น “มึงหักหลังพวกกู อย่าให้เจอที่ไหนนะกูจะฆ่าให้ตาย” และอีกหลายข้อความที่ตนเห็นจากโทรศัพท์มือถือเมื่อลงจากเวทีปราศรัย
               
             “หลังจากที่ฉันขึ้นปราศรัยที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แล้ว วันรุ่งขึ้นก็ทราบว่าบ้านญาติที่ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ มีตำรวจมากันเต็มคันรถตู้ เข้ามาสอบถามหาข้อมูลของฉัน แต่พี่สาวก็โทรศัพท์มาบอกว่า ตำรวจเข้ามาในลักษณะไม่เหมือนจะเข้ามาหาข้อมูล เหมือนไม่ได้มาแบบมีเจตนาดี ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจ เกรงว่าญาติพี่น้องและคนรอบข้างจะเดือดร้อนไปด้วย” นางปาริชาติ กล่าว
               
             อดีตผู้ร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า อยากฝากไปยังคนเสื้อแดง ว่าอย่าไปร่วมกับแกนนำในการชุมนุมอีกเลย เพราะหาเป็นอะไรขึ้นมาแล้วก็คงไม่คุ้มกับชีวิตเราที่ต้องเอาไปเสี่ยง และไม่มีใครมาดูแล ก่อนหน้านี้ตนเคยไปร้องเรียนคณะกรรมสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และอีกหลายหน่วยงานของกระทรวงยุติธรรม แต่ก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ สำหรับกรณีการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม นั้น ใจจริงตนก็อยากได้เพราะจะได้ไม่ต้องรับโทษ แต่เมื่อมีการเสนอร่างแบบเหมาเข่ง เช่นนี้ตนก็รับไม่ได้ และถึงวันนี้ก็ต้องทำใจว่าคงจะต้องติดคุก
               
             เบื้องต้น พ.ต.ท.ณัฐพงศ์ ได้รับเรื่องบันทึกปากคำและลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน แต่การเข้าพบตำรวจครั้งนี้ผู้ร้องไม่ได้ประสงค์จะขอกำลังตำรวจคุ้มครองแต่ อย่างใด


'สาวแดงขึ้นเวทีปชช.'แจ้งกองปราบโดนขู่เอาชีวิตหวั่นไม่ปลอดภัย #นิรโทษกรรม #การเมือง #คมชัดลึก
คะแนนเมื่อเร็วๆนี้
  • Sming จิตพิสัย +30 20-11-2013 17:06

TOP